วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สินค้าโอทอปในชุมชนของฉัน

ข้าวซ้อมมือปลอดสารผลิตภณฑ์ของกลุ่มเกษตรกรบ้านคุุ้ม

ณ บ้านคุ้ม หมู่ท ี่4 . โคกสว่าง อ. สำโรง จ.อุบลราชธานี กลุ่มเกษตรกรผลิตข้าวซ้อมมือบ้าน คุ้ม ได้รวบรวมสมาชิก 9 คน เพือแปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวซ้อมมือ ซึ่งข้าวซ้อมมือของที่นี่ ปลอดภัย ไมมีสารพิษปลอมปน เนื่องจากกลุ่มสมาชิกผู้ปลกขาวไมมีการใช้สารเคมีแม้แต่น้อย จะมีใช้บ้างก็เฉพาะแต่ปุ๋ยเคมีเพียงเล็กน้อย ข้าวที่ได้จึงเป็นข้าวปลอดภัย และผ่านการรับรอง มาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตรทุกเม็ลด นำมาตำด้วยครก ได้เป็นข้าวซ้อมมือจัดจำหน่ายกันเพียงถุงละ 35-­60 บาท บาท/กิโลกรัม

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความสุขในหน้าฝนของฉัน


      ถ้าเพื่อนๆ คนไหนขี้เกียจนอนอยู่บ้าน อยากออกทริปสนุกๆ แต่ไม่รู้ว่า หน้าฝนแบบนี้จะไปไหนดี? Travel.MThai มี 5 สถานที่ท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน มาฝากกันค่ะ ซึ่งการท่องเที่ยวหน้าฝนแบบนี้ เราสามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด ได้ชมความงามของดอกไม้ ต้นไม้ที่ผลิบานหน้าฝน รับรองว่าทริปหน้าฝนนี้ประทับใจแน่นอน ^^
              เที่ยวไหนดี? แนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน




น้ำตกทีลอซู : อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก

หรือภาษากะเหรี่ยงแปลว่า น้ำตกดำ ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ระหว่าง 1 มิ.ย. – 31 พ.ย. ปริมาณน้ำฝนที่มากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธารทำให้สายน้ำตกกว้างใหญ่กว่าฤดูอื่น (แต่ก็ต้องระวังเรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์) มีจุดเด่นคือ “รุ้งกินน้ำ” โดยจะปรากฏให้เห็นช่วง 10 โมงเท่านั้น ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ห่างจากที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร

น้ำตกทีลอซู มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ มากถึง 97 ชั้น มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชีย






สิ่งที่น่าสนใจ

ก่อนที่เราจะเดินทางขึ้นไปยังจุดมุ่งหมาย ก็คือ น้ำตกทีลอซู ระหว่างทางเราจะผ่านเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1.5 กม. ผ่านป่าไผ่และป่าเบญจพรรณ มีดอกกระเจียวขึ้นตามพื้นป่าระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติและพืชพันธุ์ตามจุดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา, ผ่านน้ำตกสายรุ่ง น้ำตกขนาดเล็ก สูงประมาณ 10 เมตร , ผ่านบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งเราสามารถนั่งแช่กันได้ และผ่าน ผ่าผึ้ง เป็นบริเวณที่มีผึ่งอยู่เป็นจำนวนมาก ชมความงามของธรรมชาติกันอย่างใกล้ชิด

การเดินทาง

โดยรถยนต์ จากอำเภออุ้มผางใช้เส้นทางสายอุ้มผาง-แม่สอด ถึงหลักกิโลเมตรที่ 161 มีทางแยกซ้ายที่บ้านแม่กลองใหม่ไปด่านเดลอ หรือจุดตรวจ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง” เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร จากนั้นเดินทางไปตามถนนลูกรังอีก 26 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางช่วงนี้เป็นทางดิน ควรใช้รถปิคอัพ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่ช่วงล่างมีความสูงมากพอสมควร ในฤดูฝนรถอาจเข้าไม่ได้ และจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร จึงถึงตัวน้ำตกทีลอซู

สอบถามรายละเอียดได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โทร. 0 5550 0919-20 และที่ทำการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์อุ้มผาง โทร. 0 5556 1338






       อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว : อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทยอุทยานแห่งนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว เริ่มจากเดินเข้าอุทยานกว่าจะถึงยอดภูสอยดาวนั้นเราจะต้องออกเดินป่า แอดเวนเจอร์กันหน่อย โดยผ่านเนินส่งญาติ, เนินปราบเซียน เป็นที่สองต่อจากเนินส่งญาติ ระดับความสูง 780 เมตร, เนินป่าต่อ, เนินเสือโคร่ง และ เนินมรณะ เนินสุดท้ายก่อนถึงยอดภูสอยดาว ระดับความสูง 1410 เมตร


น้ำตกภูสอยดาว : อยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยานแห่งชาติ มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อไว้อย่างไพเราะว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ มีน้ำไหลตลอดปี

น้ำตกสายทิพย์ : เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มี 7 ชั้น ความสูงแต่ละชั้นประมาณ 5-10 เมตร สภาพป่าโดยรอบน้ำตกมีความชุ่มชื้นมาก จึงมีมอสส์สีเขียวขึ้นปกคลุมทั่วไปตามก้อนหินริมน้ำ



ทุ่งดอกหงอนนาค : ในอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวผลิบานเต็มุท่งเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น รอรับนักท่องเที่ยวที่ได้ปีนป่ายขึ้นมาเยือน โดยดอกหงอนนาคจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ค่อนข้างหายาก ยามเช้าดอกหงอนนาคจะหุบดอก และจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง ซึ่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ภูสอยดาวแห่งนี้ เป็นทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นอกจากนี้ก็จะมี ดอกสร้อยสุวรรณา และดอกหญ้ารากหอม ในฤดูหนาวจะมีดอกกระดุมเงิน, กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และต้นเมเปิลซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงามมาก



ลานสนสามใบภูสอยดาว : เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติเป็นที่ราบบนเทือกเขาภูสอยดาว มีพื้นที่ประมาณ 1,000 กว่าไร่ ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร สภาพพื้นที่ของลานสนสามใบจะเป็นเนินสูงต่ำสลับกันไป

การเดินทางไปเที่ยวลานสนสามใบภูสอยดาว ต้องเดินทางเท้าจากน้ำตกภูสอยดาวริมเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1268 ขึ้นสู่ยอดภูสอยดาวระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4-6 ชั่วโมง มีถนนลาดยาง เข้าถึงพื้นที่ทำให้สะดวกสบายในการเดินทางพักผ่อนหย่อนใจ และมีอากาศเย็นสบายตลอดปี บนยอดเป็นลานสนและมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์และตั้งแคมป์


การเดินทาง

การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถไปได้ 2 เส้นทางคือ

โดยรถยนต์  จากจังหวัดพิษณุโลก ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1246 ถึงบ้านแพะแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1143 ผ่านอำเภอชาติตระการแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1237 ผ่านบ้านบ่อภาคไปบรรจบกับเส้นทางแผ่นดินหมายเลข 1268 ถึงน้ำตกภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว รวมระยะทางประมาณ 188 กิโลเมตร[3]
      สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ ระยะทางประมาณ 133 กม. โดยใช้เส้นทาง อุตรดิตถ์-น้ำปาด (ทางหลวงหมายเลข 1047) ออกจากจังหวัดอุตรดิตถ์ พอถึง อ.น้ำปาดให้เลี้ยวรถเข้าไปใช้ ทางหลวงจังหวัด หมายเลข 1239 แล้วขับรถไปอีกประมาณ 46 กม. แล้วจึงเลี้ยวรถเข้าไปใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1268 ขับรถไปประมาณ 19 กิโลเมตรก็จะถึง อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท. สำนักงานแพร่ (เขตรับผิดชอบ อุตรดิตถ์, แพร่, น่าน) 
โทร. 0 5452 1127



                                             ภูทับเบิก : จังหวัดเพชรบูรณ์

เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร อยู่ตำบลวังบาล ห่างจากอำเภอหล่มสักและหล่มเก่าประมาณ 40 กิโลเมตร มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี และเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านภูทับเบิก




ภายในบริเวณจะมี ไร่กะหล่ำปลี ที่สวยงาม ตั้งอยู่เลยจุดชมวิวไม้กางเขน โดยชาวไทยภูเขาเผ่าม้งจะทำอาชีพทำการเกษตรแบบขั้นบันไดตามเชิงเขา กะหล่ำปลีจะมีให้ชมเยอะช่วงเดือนกรกฏาค
พฤศจิกายน ส่วนหน้าหนาวมีดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มภูทับเบิก



นอกจานี้ยังมี ร้านค้าชุมชน ร้านขายของที่ระลึก, ที่พักสไตล์รีสอร์ทและโฮมเตย์ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพักตามสะดวก เช่น ไร่ภูทะเลหมอกทับเบิก และ ภูทะเลหมอกโฮมสเตย์ ตั้งอยู๋ใกล้ใกล้กับไร่กะหล่ำปลี ส่วน ไร่ริมผา ที่พักแนะนำใกล้จุดชมวิวทะเลหมอกสูงสุด

จุดสูงสุดชมทะเลหมอก : จะมีลานกางเต็นท์ ใกล้กับบริเวณหอวัดอุณหภูมิ ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงสุดของภูทับเบิก

พิกัด GPS : 16.896719, 101.106135

ที่อยู่ : 2331 ตำบล วังบาล อำเภอ หล่มเก่า เพชรบูรณ์ 42120


                                        ทุ่งแสลงหลวง : จังหวัดพิษณุโลก

หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย” เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ถือเป็นแหล่งผืนป่าสะวันนาแห่งเดียวของภาคเหนือที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยความแตกต่างแห่งพืชพรรณที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก

พื้นที่อุทยานตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่าง จ.พิษณุโลกและ จ.เพชรบูรณ์ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ หนองแม่นา ประมาณ 25 กิโลเมตร มีพื้นที่เป็นที่โล่งกว้างใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 16 ตรกม. ตามเส้นทางจะตัดผ่านป่าเบญจพรรณจะพบสัตว์ป่าออกมาหากินตามข้างทาง และมีพันธุ์ไม้ดอกมากมาย นอกจากนี้ยังมีทุ่งหญ้าแบบสะวันนาสลับกับป่าสนสองใบ คือทุ่งหญ้าเมืองเลนและทุ่งโนนสน

สิ่งที่น่าสนใจ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมีพื้นที่ที่น่าท่องเที่ยวมากมายให้เราได้เลือกทำกัน ไม่ว่าจะเป็น

น้ำตกแก่งโสภา นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามได้จากทางด้านบนของตัวน้ำตก
ทุ่งโนนสน ทุ่งหญ้าแบบสะวันนาสลับกับป่าสนเขา ตั้งอยู่ใจกลางอุทยาน
ทุ่งนางพญา เป็นทุ่งหญ้าแบบสะวันนา มีพื้นที่ ประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร เหมาะแก่การนั่งรถชมวิว และตั้งค่ายพักแรม
แก่งวังน้ำเย็น
น้ำตกซอนโสม
ถ้ำเดือน-ดาว ถ้ำพระวังแดง และถ้ำค้างคาว
ปั่นจักรยานเสือภูเขา
ชมดอกเอื้องพิสมร  เป็นดอกไม้บานในหน้าฝนเท่านั้น




ล่องแก่งหินเพิง : จังหวัดปราจีนบุรี

แก่งหินเพิง เป็นแก่งหินตอนปลายสุดของแม่น้ำใสใหญ่ ซึ่งมีลักษณะทางธรณีวิทยา เป็นชั้นหินทราย ครั้นเมื่อถึงฤดูฝน กระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดเกาะแก่งต่างๆ มากมาย แก่งหินเพิงเป็นที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายกับสายน้ำอันเชี่ยวกราก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม กระแสน้ำบริเวณแก่งหินเพิงจะไหลรุนแรงมาก การล่องแก่งที่นี่ใช้แพยางนั่งได้ประมาณ 8-10 คน ล่องในลำน้ำใสใหญ่ สภาพแก่งน้ำอยู่ในระดับ 3 -5 
นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการพายสูง



แก่งทั้ง 6 จะมีระดับที่ท้าทายแตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่

แก่งหินเพิง เป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่ง ลักษณะหินของแก่งหินเพิง เป็นแก่งยาวประมาณ 150 เมตร ในช่วงฤดูฝน เป็นสุดยอดของการล่องแก่ง ทริปนี้
แก่งผักหนามล้อม มีลักษณะเป็นวังน้ำขนาดใหญ่กระแสไหลวนไปมา
แก่งวังบอน เป็นแก่งหินสั้นๆ ยาวประมาณ 30 เมตร กระแสน้ำจะไหล ลาดเอียงลงมาประมาณ 30 องศาผ่านชั้นหินและเกาะต่างๆ จากนั้นน้ำจะไหล เอื่อยๆ ลงมายังแก่งลูกเสือ
แก่งลูกเสือ มีลักษณะเป็นแก่งน้ำเล็กๆ มีร่องน้ำสามารถพายเรือยางผ่านไปได้ แต่ต้องระมัดระวังอันตรายจากกิ่งไม้ที่ยื่นออกมา
แก่งวังไทร มีลักษณะเป็นแก่งหินกว้างประมาณ 50-60 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร ความกว้างของแก่งพอๆ กับแก่งลูกเสือ มีความลาดชันประมาณ 30 องศา กระแสน้ำจะไหลผ่านเกาะแก่งต่างๆ แล้วม้วนตัวเป็นวงคลื่น ต้องใช้ ทักษะความชำนาญในการพายเรือค่อนข้างสูง
แก่งงูเห่า ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าที่ ขญ.9 ถ้าปริมาณน้ำไม่มากนัก จะแลเห็นเกาะแก่งต่างๆ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝน กระแสน้ำ จะไหลท่วมเกาะแก่งต่างๆ จนมีลักษณะคล้ายกับฝายกั้นน้ำ
การล่องแก่งหินเพิง ส่วนมากจะมาขึ้นฝั่งกันบริเวณแก่งวังไทร เพราะมีห้องสุขา และห้องอาบน้ำไว้บริการนักล่องแก่ง หรืออยากจะพักผ่อนนั่งรับประทาน อาหารกลางวันที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ก็ได้ เป็นอันสิ้นสุดการผจญภัยในแก่งหินเพิง

http://travel.mthai.com/blog/138104.html?platform=hootsuite