วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ผ้าไหมสุุรินทร์



ผ้าไหมสุรินทร์      
ประวัติความเป็นมา
                   จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัฒนธรรมการทอผ้าไหมมานานและได้สืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมมานานจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่น่สนใจยิ่ง  หากศึกษาอย่างลึกซึ่งแล้ว  จะค้นพบเหตุผลหลายประการที่สนับสนุนว่า  จังหวัดสุรินทร์มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองในเรื่องผ้าไหม  ตลอดจนประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ   ซึ่งส่งผลต่อการผลิตและการทอ  ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของผ้าไหม  การผลิตเส้นไหมน้อย  และกรรมวิธีการทอ


 จังหวัดสุรินทร์นิยมนำเส้นไหมขั้นหนึ่งหรือไหมน้อย (ภาษาเขมร เรียก “โซกซัก”)  มาใช้ในการทอผ้า  ไหมน้อยจะมีลักษณะเป็นผ้าไหมเส้นเล็ก  เรียบ  นิ่ม  เวลาสวมใส่จะรู้สึกเย็นสบาย  นอกจากนี้การทอผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์  ยังมีกรรมวิธีการทอที่สลับซับซ้อน  และเป็นกรรมวิธีที่ยาก  ซึ่งต้องใช้ความสามารถและความชำนาญจริง  เช่น การทอผ้ามัดหมี่พร้อมยกดอกไปในตัว  ซึ่งทำให้ผ้าไหมที่ได้เป็นผ้าเนื้อแน่นมีคุณค่า  มีการทอที่เดียวใบประเทศไทย  จนเป็นที่สนพระทัยและเป็นที่ชื่นชอบของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ  ทรงรับสั่งว่า  ใส่แล้วเย็นสบาย  อีกทั้งยังใช้ฝีมือในการทออีกด้วย

           ลักษณะเด่นของผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์
                           1.     มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์  โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกัมพูชา และลวดลายที่บรรจงประดิษฐ์ขึ้นล้วนมีที่มาและมีความหมายอันเป็นมงคล  
                           2.     นิยมใช้ไหมน้อยในการทอ  ซึ่งไหมน้อยคือไหมที่สาวมาจากเส้นใยภายในรังไหม  มีลักษณะนุ่ม  เรียบ  เงางาม
                           3.     นิยมใช้สีธรรมชาติในการทอ  ทำให้มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีสันที่มีลักษณะเฉพาะ  คือ สีจะออกโทนสีขรึม  เช่น  น้ำตาล  แดง  เขียว  ดำ  เหลือง   อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจากเปลือกไม้ 
4.           ฝีมือการทอ  จะทอแน่นมีความละเอียดอ่อนในการทอและประณีต  รู้จักผสมผสานลวดลายต่าง ๆ
เข้าด้วยกัน  แสดงถึงศิลปที่สวยงามกว่าปกติ
5.        แต่เดิมนั้นการทอผ้าไหมของชาวบ้านทำเพื่อไว้ใช้เอง และสวมใส่ในงานทำบุญและงานพิธีต่างๆ 
การทอจะทำหลังจากสิ้นสุดฤดูกาลทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลัก  มิได้มีการทอเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด  จนมีคำกล่าวทั่วไปว่า “พอหมดหน้านา  ผู้หญิงทอผ้า  ผู้ชายตีเหล็ก”       

เอกสารอ้างอิง   หนังสือ “ของดีเมืองสุรินทร์ ผ้าไหม-เครื่องเงิน”  โดย ผศ.เครือจิต  ศรีบุญนาค 

   ผศ.อารีย์  ทองแก้ว  และนางสุปิยา  ลิมป์กฤตนุวัตร์ พ.ศ. 2539




ผ้าไหมมัดหมี่                

                   1.     มัดหมี่โฮล หรือ จองโฮล (จองเป็นภาษาเขมร หมายถึง ผูกหรือมัด) หรือ ซัมป็วตโฮล เป็นหนึ่งในผ้าไหมมัดหมี่ของเมืองสุรินทร์ มัดหมี่แม่ลายโฮล ถือเป็นแม่ลายหลักของผ้ามัดหมี่สุรินทร์ที่มีกรรมวิธีการมัดย้อมด้วยวิธีเฉพาะ ไม่เหมือนที่ใดๆ  ความโดดเด่นของการมัดย้อมแบบจองโฮล คือในการมัดย้อมแบบเดียวนี้ สามารถทอได้ 2 ลาย คือ โฮลผู้หญิง (โฮลแสร็ย) หรือผ้าโฮลธรรมดา และสามารถทอเป็นผ้าโฮลผู้ชาย (โฮลเปราะฮ์) ไว้นุ่งในงานพิธีต่างๆ

ผ้าโฮล  ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทผ้าไหม ในงาน “มหกรรมผ้าไทย เทิดไท้องค์ราชินี” เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2545  ณ  ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ กรุงเทพฯ  ซึ่งจัดโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย 

                   2.     มัดหมี่อัมปรม หรือ จองกรา  เป็นการมัดหมี่ทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน  ซึ่งมีปรากฏที่จังหวัดสุรินทร์แห่งเดียวในประเทศไทย  การมัดหมี่อัมปรมนี้จะทอให้ส่วนที่มัดเป็น “กราปะ” คือ จุดปะขาวของเส้นยืน มาชนกับจุดปะขาวของเส้นพุ่ง ให้เป็นเครื่องหมายบวกบนสีพื้น  เช่น การทอบนพื้นสีแดงซึ่งย้อมด้วยครั่ง ก็เรียกว่า อัมปรมครั่ง  การทอบนพื้นสีม่วง ก็เรียกว่า อัมปรมปะกากะออม
                   จังหวัดสุรินทร์ได้ตัดเสื้อผ้าไหมมัดหมี่อัมปรมให้คณะรัฐมนตรีในการเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่  ณ  จังหวัดสุรินทร์  เมื่อวันที่ 10 - 11  พฤศจิกายน  2544




.   มัดหมี่ลายต่างๆ หรือ จองซิน  เป็นมัดหมี่ที่เหมือนจังหวัดอื่นๆ ทั่วๆ ไป มีหลายลาย แบ่งได้ดังนี้


                           3.1   มัดหมี่ลายธรรมดา  เช่น ลายหมี่ข้อ  หมี่คั่น  หมี่โคม  ซึ่งจะพบมากที่ บ้านจารพัต อำเภอศีขรภูมิ บ้านสดอ บ้านนาโพธิ์ บ้านเขวาสินรินทร์ ตำบลเขวาสินรินทร์ กิ่งอำเภอเขวาสินรินทร์  บ้านสวาย บ้านนาแห้ว ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์
3.2   มัดหมี่ลายกนก  เช่น ลายพุ่มข้าวบิณฑ์  ลายสับปะรด  ลายพระตะบอง  ลายก้านแย่ง ลาย พนมเปญ  ลายดอกมะเขือ  ส่วนมากจะพบที่ บ้านสวาย ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์  บ้านอู่โลก ตำบลอู่โลก อำเภอลำดวน

3.3   มัดหมี่ลายรูปสัตว์ ต้นไม้ และลายผสมอื่นๆ  เช่น รูปนก ไก่ ผีเสื้อ ช้าง ม้า นกยูง  ปลาหมึก พญานาค นำมาผสมกับลายต้นไม้ดอกไม้ต่างๆ  หรือทอลายสัตว์เดี่ยวๆ  ตลอดผืน พบมากเกือบทุกหมู่บ้าน


                   ผ้ายกดอกลายดอกพิกุล หรือ ปกาปกุน  ผ้ายกดอกลายนี้จะย้อมเส้นด้ายยืนสีเดียวและอาจใช้สีอื่นคั่นระหว่างดอกก็ได้ การเก็บตะกอ 4 ตะกอ โดยการทอลายขัดเป็นพื้น 2 ตะกอ  ส่วนอีก 2 ตะกอเป็นลวดลายการทอลายนี้จะทอทีละตะกอ จะพบที่บ้านเขวาสินรินทร์เป็นส่วนใหญ่ 
ผ้าไหมยกดอก

เป็นผ้าไหมที่มีการทอที่เพิ่มลวดลายเข้าไปในเนื้อผ้า  เพื่อทำให้ผ้าทั้งสองด้านมีลวดลายต่างกัน  ด้านหนึ่งจะมีลวดลายคมชัดและเรียบ  ส่วนอีกด้านหนึ่งจะมีลวดลายหยาบ  มีเส้นด้ายข้ามซึ่งถูกเกาะเกี่ยวได้ง่าย  การทอผ้าประเภทนี้จะต้องใช้เส้นไหมมากกว่าธรรมดา  ทำให้ดูหนาและหนัก  การทอผ้ายกดอกของจังหวัดสุรินทร์  แบ่งเป็น 4 ลายดังนี้



                    3.1   ผ้ายกดอกลายลูกแก้ว (ชะโน้ดเลิค, ฉนูดเลิก)  การทอผ้าลายนี้จะใช้  4 ตะกอ  เป็นตัว กำหนดลาย  โดยไม่มีการแยกตะกอสำหรับทอลายขัดเพื่อเป็นพื้นของผ้า  ซึ่งการทอแบบนี้เรียกว่า ลายสองยกดอก คือ การทอผ้าลายสองแบบแนวทแยง  มีจุดกลับโดยยกตะกอย้อนกลับ  การออกแบบลายลูกแก้วจะออกแบบเส้นด้ายยืนย้อมสีเดียว แล้วเก็บตะกอ 4 ตะกอ ตามลวดลายที่กำหนดไว้ เส้นด้ายพุ่งจะย้อมสีเดียวกับเส้นด้ายยืน   ผ้าชนิดนี้มีการทอมากที่บ้านสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์
                    3.2   ผ้าลายยกดอกลายละเบิก  ผ้าลายนี้นิยมย้อมเส้นด้ายยืนเป็นสีม่วง สีส้ม สีเขียว สีเหลือง  และสีขาว  การทอจะทอยกตะกอครั้งละ 2 ตะกอ คือ ตะกอที่ 1 - 2 และตะกอที่ 3 - 4  เพื่อทอเป็นพื้น  ส่วนลวดลายเกิดจากการแยกตะกอ 2 - 3 ซึ่งส่วนใหญ่จะมีเส้นด้ายยืนสีเหลืองและสีขาว  การทอผ้าลายนี้จะพบเห็นทั่วไปในทุกหมู่บ้าน

                  3.3   ผ้ายกดอกลายดอกจัน  เป็นผ้าทอที่มีลวดลายละเอียด ประณีต การทอผ้ายกดอกลายนี้   จะออกแบบเส้นด้ายยืนสีเดียว  ส่วนเส้นด้านพุ่งจะย้อม 2 สี  จะเป็นสีอ่อน แก่ ตามต้องการ  การทอผ้าลายนี้จะเก็บตะกอของลวดลาย 7 ตะกอ ส่วนตะกอที่ 8 และ 9  เป็นการเก็บลายขัดธรรมดา เพื่อทอเป็นพื้นของผ้า  จะพบมากที่บ้านเขวาสินรินทร์

3.4           ผ้ายกดอกลายดอกพิกุล หรือ ปกาปกุน  ผ้ายกดอกลายนี้จะย้อมเส้นด้ายยืนสีเดียวและอาจใช้สีอื่นคั่นระหว่างดอกก็ได้ การเก็บตะกอ 4 ตะกอ โดยการทอลายขัดเป็นพื้น 2 ตะกอ  ส่วนอีก 2 ตะกอเป็นลวดลายการทอลายนี้จะทอทีละตะกอ จะพบที่บ้านเขวาสินรินทร์เป็นส่วนใหญ่        

                    4.   ผ้าจกลายปะเต๊าะ
                   เป็นผ้าทอเป็นดอกห่าง ๆ  ปะปรายทั่วไปบนผืนผ้า  ผ้าลายปะเต๊าะ (หรือนานๆ ดอก) จะใช้เส้นพุ่งหรือเส้นยืน สีเดียวกัน มีการจกดอกห่าง ๆ  ระยะระหว่างดอกเท่ากัน กระจายทั่วผืนผ้า  จะพบมากที่บ้านเขวา สินรินทร์

                   5.   ผ้าไหมพื้นเรียบ
                   เป็นผ้าไหมที่ไม่มีการมัดย้อม หรือทำลวดลาย  การทอจะใช้สีเดียวหรือ 2 สี ก็ได้ เส้นด้ายพุ่ง 1 สี เส้นด้ายยืน 1 สี เพื่อให้เกิดความวาว  การใช้เส้นพุ่งอาจจะใช้ 1 เส้น 2 หรือ 3 เส้น ก็ได้ เพื่อให้เกิดความหนา ตามความนิยม

                   6.   ผ้าไหมหา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น